|
|
|
|
:: สถิติผู้เข้าชมเว็บไซต์ :: |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
ไซนัสอักเสบ
|
ในร่างกายของมนุษย์มีระบบการทำงานของร่างกายทุกระบบจะทำงานโดยสัมพันธ์กัน แต่ระบบที่มีความสำคัญมากที่สุดระบบหนึ่ง คือระบบทางเดินหายใจ
ระบบทางเดินหายใจ คือระบบในร่างกายที่ทำการแลกเปลี่ยนอากาศภายในร่างกาย กับอากาศภายนอกร่างกาย คือการนำก๊าซออกซิเจนเข้ามาในร่างกาย และนำก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกจากร่างกาย โดยมีปอดเป็นอวัยวะที่ทำหน้าที่นี้
เมื่อร่างกายได้รับก๊าซออกซิเจนเข้ามาในร่างกายแล้วจะเข้าไปในระบบเลือดเพื่อให้เลือดนำออกซิเจนไปตามเซล และไปตามอวัยวะต่าง ๆ ของร่างกาย เช่น ไปยังหัวใจ ไปยังเซลสมอง และระบบสื่อประสาท รวมถึงไปยังเซลกล้ามเนื้อตามจุดต่าง ๆ ของร่างกายอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีส่วนช่วยในระบบเมตาบอลิซึม คือการเปลี่ยนอาหารที่ทานเข้าไปให้กลายเป็นพลังงานในร่างกาย
หากร่างกายไม่สามารถหายใจรับออกซิเจนได้อย่างมีประสิทธิภาพ จะมีผลให้เซลต่าง ๆ ไม่ได้รับออกซิเจนที่เพียงพอ จะทำให้ร่างกายแก่เร็ว อวัยวะภายในทำงานผิดปกติ โดยเฉพาะระบบการย่อยอาหารจะทำงานได้ไม่เต็มที่ทำให้การแปลงอาหารเป็นพลังงานทำได้ไม่ดีจนอาจทำให้ร่างกายได้รับพลังงานไม่เพียงพอ
|
|
|
ไซนัสคืออะไร
ไซนัสจัดเป็นส่วนหนึ่งในระบบทางเดินหายใจ โดยไซนัสจะมีลักษณะเป็นโพรงบริเวณรอบจมูกมีหน้าที่ในการควบคุมความชื้น และทำหน้าที่ปรับความร้อนความเย็นของอากาศที่หายใจเข้าไป จึงทำให้อากาศที่หายใจไม่ชื้นเกินไป และไม่เย็นเกินไป ไซนัสยังช่วยในการสร้างเมือกเพื่อดักจับฝุ่น และเชื้อโรคที่เข้ามาในบริเวณจมูก และขับออกมาในรูปแบบน้ำมูก และเสมหะ นอกจากนี้ไซนัสยังช่วยในการปรับเสียงพูดให้มีความคมชัด ช่วยในการรับกลิ่น อีกทั้งยังเป็นส่วนประกอบสำคัญในระบบหายใจอีกด้วย
ไซนัสจะอยู่ในบริเวณต่าง ๆ ดังนี้
1.ไซนัสบริเวณโหนกแก้ม ๒ ข้าง (Maxillary sinus)
2.ไซนัสระหว่างลูกตาบริเวณ หัวตา ๒ ข้าง (ethmoid sinus)
3.ไซนัสบริเวณหน้าผากใกล้กับหัวคิ้ว ๒ ข้าง (frontal sinus)
4.ไซนัสที่อยู่ในกะโหลกศีรษะ ใกล้ฐานสมอง (sphenoid sinus)
|
|
|
สาเหตุการเกิดโรคไซนัสอักเสบ
ไซนัสอักเสบจะเกิดขึ้นต่อเมื่อโพรงจมูกเกิดการติดเชื้อโดยมากจะเกิดจากสาเหตุดังนี้
1.เกิดจากการเป็นหวัด หรือเป็นภูมิแพ้ เนื่องจากผู้ที่มีอาการดังกล่าวจะมีภาวะที่ไซนัสหลังน้ำมูกออกมาเพื่อล้างเชื้อโรคในโพรงจมูก เมื่อเป็นนานเข้าจะทำให้เยื่อบุโพรงจมูกเกิดการบวม หรืออักเสบจนทำให้รูเปิดระบายน้ำมูกในไซนัสเกิดการตัน เมื่อเป็นนานเข้าจะทำให้เกิดอาการไซนัสอักเสบได้
2.เกิดจากมีฟันกรามผุถึงโพรงรากฟัน เนื่องจากระบบทางเดินหายใจมีการเชื่อมต่อกับระบบช่องปาก และลำคอการที่ผู้ป่วยบางรายมีอาการฟันกรามผุเมื่อนานวันทำให้มีเชื้อโรคบริเวณฟันกรามซึ่งในบางกรณีเชื้อโรคเหล่านั้นได้ลามตัวไปยังโพรงจมูกทำให้ไซนัสได้รับเชื้อโรคจนเกิดอาการไซนัสอักเสบได้
3.เกิดอุบัติเหตุที่กระดูกบนใบหน้า เนื่องจากไซนัสอยู่บนบริเวณกระดูกบนใบหน้าการเกิดอุบัติเหตุเช่น หน้ากระแทก กะโหลกศีรษะกระแทก อาจมีผลให้ช่องไซนัสเกิดเกิดความผิดปกติจนสามารถทำให้เกิดอาการไซนัสอักเสบได้
4.เกิดจากการอยู่ในบริเวณย่านโรงงานอุตสาหกรรม หรือสถานที่มีมลพิษ เนื่องจากไซนัสมีหน้าที่ในการดักจับฝุ่นละออง และเชื้อโรค ดังนั้นการที่อยู่ในบริเวณที่มีมลพิษเป็นเวลานานจะทำให้ไซนัสทำงานหนักจนสามารถเกิดอาการไซนัสอักเสบได้
|
|
|
หากไซนัสอักเสบจะเป็นอย่างไร
1.เกิดอาการโพรงจมูกตัน มีน้ำมูกภายในจมูกตลอดเวลา เนื่องจากในการดักจับเชื้อโรคของไซนัสจะมีช่องเปิดปิด เมื่อจะทำการล้างโพรงจมูกด้วยน้ำมูก ช่องปิดนี้จะปิดเพื่อชำระล้าง เมื่อล้างเสร็จแล้วจะเปิดเพื่อระบายน้ำมูกออก แต่ในกรณีที่เป็นไซนัสอักเสบโพรงนี้มักจะปิดมากกว่าเปิดทำให้เกิดอาการโพรงจมูกตันเต็มไปด้วยน้ำมูกสั่งน้ำมูกยาก
2.เกิดอาการเสียงเปลี่ยน เนื่องจากไซนัสมีผลช่วยในการปรับเสียงพูดให้มีความชัดหากไซนัสอักเสบมักจะมีผลให้อาการโพรงจมูกตัน ทำให้การออกเสียงไม่ชัดเจน
3.รับกลิ่นได้ไม่ดี เนื่องจากไซนัสมีผลในการช่วยรับกลิ่นดังนั้นเมื่อไซนัสอักเสบโพรงจมูกเกิดการตัน การรับกลิ่นจะด้อยประสิทธิภาพลงเป็นทำให้ในผู้ป่วยบางรายจะได้กลิ่นน้อยมาก หรือบางรายไม่ได้กลิ่นเลย
4.เป็นโรคที่เกิดจากเชื้อโรคต่าง ๆ ได้ง่าย เนื่องจากไซนัสช่วยในการดักจับเชื้อโรคในระบบทางเดินหายใจ การที่ไซนัสอักเสบทำให้ประสิทธิภาพในการดักจับเชื้อโรคลดลงทำให้เชื้อโรคสามารถเข้ามาในร่างกายผ่านทางระบบทางเดินหายใจได้ง่าย
5.ลมหายใจมีกลิ่นเหม็น เนื่องจากอาการไซนัสอักเสบจะทำให้ในจมูกมีน้ำมูก และของเสียอยู่ในโพรงจมูก และมีผู้ป่วยไม่น้อยที่ของเสียเหล่านี้ค้างอยู่ในจมูกเป็นเวลานานจนเกิดการเน่าอยู่ภายในจมูกนานวันเข้าจึงส่งกลิ่นออกมาผ่านทางลมหายใจ และกลิ่นปาก
อาการไซนัสอักเสบเป็นอาการที่ไม่ควรทิ้งไว้หากปล่อยไว้ในระยะยาวอาจกลายเป็นอาการริดสีดวงจมูก หรือมะเร็งโพรงจมูกได้
|
|
|
สาเหตุการเกิดโรคในทางการแพทย์แผนจีน
ในทางการแพทย์แผนจีนมองว่าโรคไซนัสอักเสบมีสาเหตุเกิดจากปอดได้รับลมร้อน หรือลมเย็นมากระทบทำให้เกิดความร้อนบริเวณปอด เมื่อเกิดความร้อนสะสมบริเวณปอดความร้อนดังกล่าวจะส่งผลต่อเส้นลมปราณปอดบริเวณจมูกซึ่งเป็นตำแหน่งของไซนัสทำให้เกิดการติดขัดบริเวณไซนัสเมื่อเป็นนานเข้าจะเกิดการอักเสบขึ้น
อีกประการหนึ่งคือการทานอาหารที่มีรสหวานจัด มันจัดซึ่งอาหารเหล่านี้ทำให้เกิดความชื้นสะสมภายในร่างกาย ความชื้นดังกล่าวนี้จะทำให้ชี่ของตับติดขัดเป็นผลให้เกิดความร้อน และไฟในเส้นลมปราณตับและถุงน้ำดี ทำให้ชี่และเลือดคั่งนี้ไปอุดกั้นรูทวารของจมูก
มีผลต่อรูเปิดของโพรงจมูกที่อยู่ด้านบน
|
|
|
การวินิจฉัยแยกกลุ่มอาการโรคตามศาสตร์แพทย์แผนจีน
1.เกิดจากลมเย็นจากภายนอก
อาการแสดง : มีอาการคัดจมูก น้ำมูกใส จำนวนมาก ปวดเมื่อยตามตัว ไม่มีเหงื่อ กลัวหนาว
ลักษณะลิ้น : ลิ้นซีด มีฝ้าขาวบาง
ลักษณะชีพจร : ลอย ตึง แน่น (ฝู จิ่นม่าย)
2.เกิดจากลมร้อนจากภายนอก
อาการแสดง : มีอาการคัดจมูกแต่แห้งไม่มีน้ำมูก คันจมูก ลมหายใจร้อน น้ำมูกน้อยเหลืองข้น มีไข้ กลัวลม ปวดศีรษะ เจ็บคอ คอแห้ง
ลักษณะลิ้น : ลิ้นแดง มีฝ้าขาวหรือเหลืองเล็กน้อย
ลักษณะชีพจร : ลอย เร็ว (โฝว สู้ม่าย)
3.เกิดจากชี่ติดขัดเลือดคั่ง
อาการแสดง : น้ำมูกเหนียวมีปริมาณมาก สีขาวหรือเหลืองข้น ความสามารถในการรับกลิ่นลดลง
ลักษณะลิ้น : แดงหรือมีจุดจ้ำเลือด
ลักษณะชีพจร : ตึง เล็ก ฝืด (เสวียน ซี่ เซ่อ)
4.ชี่พร่องเสียชี่ตกค้าง
อาการแสดง : คัดจมูกเรื้อรังมากบ้างน้อยบ้าง กลางคืนมีอาการมากกว่ากลางวัน น้ำมูกเหนียวแต่ใส เมื่อเจออากาศเย็นอาการจะรุนแรงขึ้น รู้สึกวิงเวียนและหนักศีรษะ
ลักษณะลิ้น : แดงอ่อน ฝ้าขาวบาง
ลักษณะชีพจร : ค่อนข้างช้า (ห่วนม่าย) |
|
|
การบำบัดรักษาทางแพทย์แผนจีน
1.ทานยาสมุนไพรจีนแคปซูลที่ผ่านกระบวนการผลิตที่ปลอดภัย ไร้สารตกค้าง ตามแต่ละอาการ เช่น
- อาการไซนัสอักเสบตามกลุ่มอาการลมเย็นจากภายนอก
ทานยาสมุนไพรจีนที่มีสรรพคุณ ขับลม ลดความเย็น บำรุงปอด
- อาการไซนัสอักเสบตามกลุ่มอาการลมร้อนจากภายนอก
ทานยาสมุนไพรจีนที่มีสรรพคุณ ขับลม ลดความร้อน บำรุงปอด
2.ฝังเข็มตามกลุ่มอาการ ทำการฝังเข็มปรับสมดุลร่างกายตามแต่ละกลุ่มอาการ เช่น
- อาการไซนัสอักเสบตามกลุ่มอาการชี่ติดขัดเลือดคั่ง ทำการฝังเข็มในจุดที่มีสรรพคุณ เพิ่มการหมุนเวียนของชี่ ขจัดเลือดคั่ง บำรุงปอด
- อาการไซนัสอักเสบตามกลุ่มอาการชี่พร่องชี่เสียตกค้าง ทำการฝังเข็มในจุดที่มีสรรพคุณ บำรุงชี่ ขจัดชี่เสียจากภายนอก บำรุงปอด
|
|
|
คำแนะนำจากแพทย์แผนจีน
1.ควรออกกำลังกายเป็นประจำวันละประมาณ 30 นาที แต่ไม่หักโหม เพื่อให้ร่างกายเกิดความแข็งแรง เสริมสร้างภูมิต้านทาน
2.นอนพักผ่อนให้เพียงพอควรนอนให้ได้วันละ 8 ชั่วโมง ไม่ควรนอนเกิน 22.00 น. เพื่อให้ร่างกายสามารถซ่อมแซมตัวเอง และฆ่าเชื้อโรคระหว่างช่วงที่นอนหลับ
3.รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่เพื่อให้ร่างกายมีสารอาหารเพียงพอที่จะทำการเสริมสร้างร่างกาย และทำการขจัดเชื้อโรคและสารพิษ
4.หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ และสูบบุหรี่ เพื่อให้ร่างกายสามารถทำงานได้เต็มที่
5.หลีกเลี่ยงสภาพแวดล้อมที่เป็นพิษ มลพิษทางอากาศ ควันบุหรี่ และกลิ่นที่ผิดปกติ โดยควรเลือกอยู่ในสถานที่ที่มีอากาศถ่ายเทสะดวก ไม่มีฝุ่นละออง ไม่มีเกสรดอกไม้ที่ก่อให้เกิดอาการแพ้
6.หลีกเลี่ยงการว่ายน้ำ ดำน้ำ หรือกระโดดน้ำ เมื่อมีอาการคล้ายหวัดกำเริบ
7.หลีกเลี่ยงภาวะอุณหภูมิแปรเปลี่ยนฉับพลัน เช่น การเข้า ๆ ออก ๆ ห้องปรับอากาศ หรือการอยู่ในรถยนต์ที่ตากแดดร้อน ๆ เป็นต้น
8.พยายามดูแลตนเองอย่าให้เป็นหวัด เพราะผลจากการเป็นหวัดสามารถทำให้เป็นไซนัสอักเสบได้ |
|
|
หมายเหตุ ผลการรักษาขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล ความรุนแรงของโรค ระยะเวลาในการเป็น และปัจจัยอื่น ๆ
|
|
|
|