|
|
|
|
:: สถิติผู้เข้าชมเว็บไซต์ :: |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
ริดสีดวงทวาร
( HEMORRHOIDS )
|
ปัจจัยสุขภาพที่ดีอย่างหนึ่ง คือ การขับถ่าย การที่ร่างกายขับถ่ายได้ไม่ดีย่อมทำให้เกิดปัญหาต่าง ๆ ตามมา เช่น ผิวพรรณไม่สดใส ร่างกายไม่สดชื่น ท้องอืด และ อื่น ๆ ซึ่งหนึ่งในปัญหาที่สำคัญของการขับถ่ายไม่ออกคืออาการริดสีดวงทวาร
อาการริดสีดวงทวาร จัดเป็นอาการที่เกิดขึ้นบริเวณปลายของลำไส้ใหญ่ หรือที่เรียกว่าทวารหนัก ซึงผู้ป่วยที่เป็นริดสีดวงทวารมักจะมีความลำบากในการใช้ชีวิตอย่างมาก เนื่องจากผู้ที่มีอาการริดสีดวงทวารมักจะมีติ่งก้อนบริเวณทวารหนักซึ่งก้อนนี้มักจะสร้างความเจ็บปวด ทำให้การเดิน การนั่ง หรือแม้กระทั่งการขับถ่ายจะเกิดความเจ็บปวด ทำให้การใช้ชีวิตยากลำบากเป็นอย่างมาก ดังนั้นอาการริดสีดวงทวารจึงเป็นอาการที่ไม่ควรมองข้าม และไม่ควรปล่อยไว้ เพราะในระยะยาวอาจทำให้เกิดเป็นเนื้อร้ายได้
|
|
|
ลักษณะอาการของโรคริดสีดวงทวาร
อาการริดสีดวงทวารเป็นอาการที่เกิดการอักเสบจากการผิดปกติของระบบลำไส้ และระบบขับถ่ายทำให้เกิดการอักเสบติดเชื้อจนมีอาการโป่งพองของผนังลำไส้ตรงปลายจนเกิดเป็นก้อนบริเวณทวารหนัก ซึ่งก้อนนี้มีลักษณะนิ่ม หรือแข็งก็ได้ ตามแต่อาการของผู้ป่วยแต่ละท่าน โดยทั่วไปอาการริดสีดวงทวารสามารถแบ่งได้เป็น 2 ชนิด คือ
1.ริดสีดวงทวารชนิดภายใน เป็นริดสีดวงที่เกิดภายในลำไส้ เหนือทวารหนักขึ้นไป จะไม่สามารถคลำหาได้ เพราะอยู่ภายในลำไส้ โดยมากริดสีดวงทวารชนิดนี้มักจะไม่เกิดอาการเจ็บปวดเว้นแต่มีอาการแทรกซ้อนจึงจะทำให้เกิดอาการเจ็บปวด
2.ริดสีดวงทวารชนิดภายนอก เป็นริดสีดวงทวารที่เกิดขึ้นบริเวณปากทวารหนัก สามารถคลำหาได้ชัดเจน ริดสีดวงชนิดนี้มักจะทำให้เกิดอาการเจ็บปวด
|
|
|
สาเหตุของอาการริดสีดวงทวาร
อาการริดสีดวงทวารสามารถเกิดจากสาเหตุดังนี้
1.เกิดจากทานอาหารที่มีกากใยน้อย หรือทานอาหารประเภทเนื้อสัตว์มาก เป็นผลทำให้อุจจาระมีความแข็ง ขับถ่ายยาก เพราะอาหารที่มีกากใย เช่น ผัก ธัญพืชไม่ขัดขาว เม็ดแมงลัก เป็นต้น จะช่วยกระตุ้นลำไส้ให้ทำการขับถ่าย และช่วยทำให้อุจจาระเกิดความนิ่มขับถ่ายง่ายโดยไม่จะเป็นต้องเบ่งแรง ดังนั้นการทานอาหารที่มีกากใยมากจะสามารถลดการเกิดริดสีดวงทวารได้
2.เกิดจากการยืนนาน หรือนั่งนาน ทำให้เกิดการกดทับ หรือเกิดการอุดกั้นการไหลเวียนของเลือดบริเวณปากทวารหนัก เป็นผลให้เกิดเลือดคั่งบริเวณปากทวารหนักจนเกิดเป็นก้อนขึ้นมา
3.เกิดจากการไม่ค่อยขับถ่าย การที่ไม่ค่อยขับถ่าย หรือไม่ได้ขับถ่ายทุกวัน จะเกิดผลที่ตามมาคืออุจจาระเกิดความแข็งกว่าปกติ ยิ่งไม่ถ่ายนานอุจจาระจะยิ่งแข็ง เมื่อทำการขับถ่ายอุจจาระแข็งดังกล่าวอาจเกิดการเสียดสีของปากทวารหนักกับอุจจาระแข็งจนทำให้เกิดแผลอาจเป็นผลให้เกิดการอักเสบจนเกิดอาการริดสีดวงทวารได้
4.เบ่งอุจจาระแรง การเบ่งอุจจาระแรงอาจทำให้เกิดการเสียดสีของอุจจาระกับปากทวารหนักจนเกิดอาการอักเสบ เป็นผลให้เกิดอาการริดสีดวงทวารได้
5.เกิดจากพันธุกรรม ผู้ป่วยที่มีอาการริดสีดวงทวารหลายท่านมักจะพบว่ามีคนในครอบครัวเคยมีประวัติเป็นโรคริดสีดวงทวารมาก่อน จึงเป็นไปได้ว่าพันธุกรรมมีผลต่อการเป็นโรคริดสีดวงทวาร
6.เกิดจากการดื่มน้ำน้อย การดื่มน้ำน้อย หรือดื่มน้ำไม่เพียงพอ จะทำให้อุจจาระเกิดความแข็งหากเสียดสีกับปากทวารหนักก็ย่อมทำให้เกิดอาการริดสีดวงทวารได้
7.เกิดจากสาเหตุอื่น ๆ เช่น การตั้งครรภ์ การเกิดโรคแทรกซ้อนอื่น ๆ ภาวะท้องผูกเรื้อรัง การเป็นโรคไอเรื้อรัง เป็นต้น ก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดอาการริดสีดวงทวารได้
|
|
|
ผลข้างเคียงของโรคริดสีดวงทวาร
1.เลือดไม่พอ เนื่องจากในผู้ป่วยที่เป็นริดสีดวงทวารหลายท่านจะมีภาวะเลือดออกภายในลำไส้ หรือเลือดออกตรงปลายทวารหนัก และในบางรายมักจะมีภาวะเลือดไหลไม่หยุดร่วมด้วย ดังนั้นหากปล่อยไว้เป็นเป็นระยะเวลานานอาจทำให้เกิดอาการเสียเลือดมาก หรือเกิดภาวะโลหิตจาง ซึ่งมีผลข้างเคียงคือทำให้อ่อนแรง อ่อนเพลีย
2.กลั้นอุจจาระไม่ได้ เนื่องจากอาการริดสีดวงทวารมักจะทำให้เกิดก้อนบริเวณปากทวารหนักซึ่งในหลายครั้งก้อนเหล่านี้จะไปทำให้ปากทวารหนักปิดไม่สนิท จึงเป็นผลให้หูรูดที่ทำหน้าที่คอยปิดกั้นอุจจาระไม่ให้ไหลออกมาเกิดการเปิดตัว ทำให้อุจจาระเกิดการไหลออกมาโดยที่ไม่ตั้งตัวได้
3.เกิดอาการติดเชื้อในกล้ามเนื้อบางจุด เนื่องจากอาการริดสีดวงทวารจะทำให้แผลในลำไส้ หรือแผลตรงปากทวารหนัก เมื่อเป็นนานเข้าอาจเกิดการติดเชื้อ และส่งผลให้เนื้อบริเวณนั้นเกิดการตายได้
|
|
|
การวินิจฉัยอาการริดสีดวงทวารทางการแพทย์แผนจีน
1.กลุ่มลมร้อนมากระทบลำไส้ทำให้ลำไส้เกิดความร้อนจนแห้ง ( 风热肠燥症 )
อาการทางคลินิก : อุจจาระมีเลือดปน มีหยดเลือดหรือละอองเลือดออกมากับอุจจาระ เลือดมีสีแดงสด ท้องผูก ถ่ายแข็ง อุจจาระแห้ง หรือมีอาการคันที่รูทวารหนัก
ลักษณะลิ้น : ลิ้นแดง ฝ้าเหลืองบาง
ลักษณะชีพจร : ชีพจรเร็ว
2.กลุ่มความชื้นความร้อนไหลลงสู่ส่วนล่าง ( 湿热下注证 )
อาการทางคลินิก : อุจจาระเป็นเลือดสีแดงสดปริมาณมาก ริดสีดวงบวมโผล่ออกมาจากรูทวาร และสามารถหดกลับเข้าไปได้เอง แสบร้อนที่รูทวาร
ลักษณะลิ้น : ฝ้าเหลืองเหนียว
ลักษณะชีพจร : ชีพจรตึงเร็ว
3.กลุ่มลมปราณติดขัดเลือดคั่ง ( 气滞血瘀证 )
อาการทางคลินิก : ริดสีดวงบวมโผล่ออกมาจากรูทวาร แน่น เจ็บปวด มีลิ่มเลือด มีการบวมน้ำ ปวดอย่างชัดเจน
ลักษณะลิ้น : ลิ้นแดง ฝ้าขาว
ลักษณะชีพจร : ชีพจรตึงละเอียดฝืด
4.กลุ่มม้ามพร่องลมปราณจมลงล่าง ( 脾虚气陷证 )
อาการทางคลินิก : อาการรุนแรงมากยิ่งขึ้นเวลาถ่ายอุจจาระหัวริดสีดวงทวารจะโผล่ออกมามากกว่าเดิม หรือเวลาจาม ไอยกสิ่งของหนัก ๆ หรือเกิดความเกร็ง เบ่งในท้องเกิดขึ้นหัวริดสีดวงทวารจะออกมาข้างนอกทวารหนักแล้วก็กลับเข้าที่เดิมไม่ได้ ต้องเอานิ้วมือดัน เข้าไปถึงจะเข้าไปอยู่ภายในทวารหนักได้ อุจจาระสีแดงสดหรือสีซีด มึนหัว หายใจสั้น สีหน้าไม่มีชีวิตชีวา เหงื่อออกเอง อุจจาระเหลว
ลักษณะลิ้น : ลิ้นซีด ฝ้าบางขาว
ลักษณะชีพจร : ชีพจรละเอียดอ่อนแอ
|
|
|
การบำบัดรักษาทางแพทย์แผนจีน
ทานยาสมุนไพรจีนแคปซูล ที่ผ่านกระบวนการผลิตที่ปลอดภัย ไร้สารตกค้าง ตามแต่ละอาการ เช่น
- อาการริดสีดวงทวารตามกลุ่มอาการลมร้อนมากระทบลำไส้ทำให้ลำไส้เกิดความร้อนจนแห้ง ทานยาสมุนไพรจีนที่มีสรรพคุณ ขจัดร้อน ทำให้เลือดเย็น ขจัดลม รักษาริดสีดวงทวาร
- อาการริดสีดวงทวารตามกลุ่มอาการความชื้นความร้อนไหลลงสู่ส่วนล่าง ทานยาสมุนไพรจีนที่มีสรรพคุณ ขจัดร้อน ขจัดชื้น หยุดเลือด รักษาริดสีดวงทวาร
ฝังเข็มตามกลุ่มอาการ ทำการฝังเข็มปรับสมดุลร่างกายตามแต่ละกลุ่มอาการ เช่น
- อาการริดสีดวงทวารตามกลุ่มอาการลมปราณติดขัดเลือดคั่ง ทำการฝังเข็มตามจุดเส้นลมปราณที่มีสรรพคุณ ขจัดร้อนขจัดชื้น ขับเคลื่อนลมปราณ และเลือด รักษาริดสีดวงทวาร
- อาการริดสีดวงทวารตามกลุ่มอาการม้ามพร่องลมปราณจมลงล่าง ทำการฝังเข็มตามจุดเส้นลมปราณที่มีสรรพคุณ บำรุงชี่ เสริมบำรุงหยาง ฉุดรั้งอวัยวะที่หย่อนขึ้น รักษาริดสีดวงทวาร
|
|
|
สมุนไพรบรรเทาอาการริดสีดวงทวาร
1.ว่านหางจระเข้ ในว่านหางจระเข้เป็นลักษณะวุ้น ซึ่งมีสรรพคุณช่วยในการระบาย และมีสรรพคุณในการช่วยสมานแผลด้วย ดังนั้นสามารถใช้ว่านหางจระเข้โดยการทานเพื่อให้เกิดการระบาย หรือเหน็บในช่องทวารคล้ายยาเหน็บเพื่อสมานแผลบริเวณปากทวารหนัก ข้อควรระวัง ให้ล้างยางเมือกสีเหลืองออกให้หมดเพราะยางนี้มีผลทำให้แพ้ได้
2.เม็ดแมงลัก มีสรรพคุณเป็นยาระบาย ช่วยกระตุ้นให้เกิดการขับถ่าย และทำให้อุจจาระอ่อนนุ่ม ให้นำเม็ดแมงลักแช่น้ำจนพองตัวดื่มวันละ 1 - 3 แก้ว ข้อควรระวัง ให้แช่เม็ดแมงลักจนเม็ดแมงลักอุ้มน้ำพองตัวจนสุดก่อนรับประทาน
3.เพชรสังฆาต เป็นสมุนไพรที่มีสรรพคุณลดการอักเสบ ช่วยสมานแผล ทำให้ช่วยลดก้อนริดสีดวงทวารบริเวณทวารหนักได้อย่างดี สามารถทานสดครั้งละ 1 ปล้อง หรือชงเป็นน้ำชาดื่มก็ได้ |
|
|
คำแนะนำจากแพทย์แผนจีน
1.ควรทานอาหารที่มีกากใยสูง เช่น ผัก ผลไม้ เพื่อป้องกันไม่ให้อุจจาระแข็งตัว
2.ควรถ่ายอุจจาระให้เป็นเวลา และไม่ควรเบ่งอุจจาระแรงเกินไป
3.หลีกเลี่ยงการนั่ง หรือยืนเป็นเวลานานเพื่อไม่ให้เกิดการกดทับบริเวรทวารหนัก
4.หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
5.หลีกเลี่ยงการทานอาหารรสจัด
6.ควรดื่มน้ำให้มากเพื่อกันอุจจาระเกิดการแข็งตัว ควรดื่มให้ได้วันละ 3 ลิตร โดยใช้การจิบเรื่อย ๆ ทั้งวัน
|
|
|
|